วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ชีวิตกับการเรียนรู้

เรื่องที่ 14.1.1ชีวิตกับการเรียนรู้
การเรียนรู้เกิดขี้นพร้อมกับชีวิตมนุษย์และอยู่คู่ขนานไปกับชีวิตของมนุษย์ดังที่ จอห์น ดุย ได้กล่าวว่า การศึกษาคือชีวิต ไม่ใช่เป็นการเตรียมตัวเพื่อชีวิต  (Dewey, 1916) ชีวิตมนุษย์เมื่อเกิดขึ้นมาก็ต้องเริ่มเรียนรู้แล้วแม้แต่ทารกที่อยู่ในท้องแม่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะต้องกินอาหารจากทางสายรก เรียนรู้ที่จะปรับตัวอยู่ในสภาพแวดล้อมภายในท้องแม่ เรียนรู้ที่จะรับความรู้สึก เรียนรู้ที่จะตอบสนองหรือแสดงความรู้สึกโต้ตอบพฤติกรรมของแม่
เมื่อคลอดออกมาจากท้องแม่ ทารกต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากเมื่ออยู่ในครรภ์มารดา
เมื่อหิว  ร้อน หรือหนาวหรือไม่สบาย จะต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารให้แม่ทราบ  นอกจากนั้น  ก็ต้องเรียนรู้สิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบๆ ตัวภายในบ้าน เมื่อเติบโตขึ้นมาอีกระยะหนึ่งก็เรียนรู้ที่จะพลิกตัว คลาน ยืน หัดโต้ตอบ หัดพูด เดิน วิ่ง  เป็นลำดับ สิ่งที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ก็คือ พ่อแม่ บุคคลในครอบครัว พี่ ป้า น้า อา สิ่งแวดล้อมภายในบ้าน
เมื่อเด็กเติบโตถึงขั้นเดินได้วิ่งได้ สังคมการเรียนรู้ของเขาก็จะขนายออกไปจากบ้านไปสู่กลุ่มเพื่อนและชุมชนในบริเวณใกล้เคียง เด็กจะเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับบุคคลอื่น เล่นกับเพื่อน ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน รู้จักคนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากสมาชิกของครอบครัว
เมื่อเข้าโรงเรียน แหล่งเรียนรู้ของเด็กก็จะขยายออกไปนอกเหนือจากบ้านและเพื่อนในชุมชน  เป็นโรงเรียน เพื่อนที่โรงเรียน และครู  เด็กจะเรียนรู้จากการอบรมสั่งสอนของครู รวมทั้งจากการเข้าสังคมกับเพื่อน และการร่วมทำกิจกรรมอื่นๆ กับเพื่อนในโรงเรียน
เมื่อเรียนในระดับสูงขึ้น จะมีสังคมกลุ่มเพื่อนและบุคคลที่ต้องเกี่ยวข้องมากขึ้น อาจจะเพื่อนต่างสถาบัน ต้องติดต่อกับอาจารย์หรือบุคคลกลุ่มต่างๆภายนอกสภาบัน มีกิจกรรมหลากหลายมากขึ้น ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆกว้างขวางขึ้น ไม่เฉพาะภายในโรงเรียนหรือภายในสภาบันเท่านั้น
เมื่อบุคคลจบจากโรงเรียนหรือสภาบันการศึกษาออกมาสู่โลกของอาชีพ  การเรียนรู้ของบุคคลก็จะกว้างขึ้น ไม่เฉพาะที่เคยเรียนวิชาการหรือเรียนรู้จากประสบการณ์ต่างๆ ในระหว่างวัยเรียน แต่ต้องมาเรียนรู้งาน เรียนรู้การปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ  เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงาน  เนื่องสถานภาพสังคมสิ่งแวดล้อม  เศรษฐกิจ  การเมือง วิทยาการและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  สิ่งเหล่านี้ย่อมกระทบต่ออาชีพการงาน ทำให้บุคคลจะต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับที่จะต้องติดตามให้ทันความเปลี่ยนแปลงและปรับบรุงอาชีพการงานให้เหมาะสม  ก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ  การเมือง สังคม  สิ่งแวดล้อมนั้นไม่เพียงแต่มีผลต่ออาชีพการงานเท่านั้น  แต่ยังมีผลต่อสภาพการดำเนินชีวิตของบุคคลด้วย บุคคลจะต้องเรียนรู้ที่จะต้องปรับตัวให้อยู่ในสังคมที่มีความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม
 แบบแผนการดำรงชีวิต  ขนบธรรมเนียมประเพณี  วัฒนธรรมของชุมชนและสังคม ก็เป็นแหล่งความรู้อีกแหล่งหนึ่ง  เพราะจะช่วยเพราะจะช่วยให้คนได้รับประสบการณ์ ได้เห็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติตน  การอยู่ร่วมกับผู้อื่น  การกระทบสิ่งที่สังคมยอมรับ  ขนบธรรมเนียมประเพณี  ความเชื่อของสังคม นับเป็นสิ่งที่บุคคลต้องการเรียนรู้และยึดถือเป็นแบบอย่าง
เมื่อย่างเข้าสู่วัยที่มีคู่ครอง (ตามช่วงพัฒนาการชีวิตในเชิงจิตวิทยา) บุคคลจะต้องเรียนรู้ที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิตครอบครัว  การสร้างครอบครัว  การดำเนินบทบาทของสามีหรือภรรยา  เมื่อมีบุตร บุคคลก็ต้องเรียนรู้ที่จะให้การอบรมเลี้ยงดูบุตร  เรียนรู้ที่จะดำเนินบทบาทเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะต้องรับผิดชอบดูแลบุตรหลานในด้านความประพฤติและการให้การศึกษาฝึกอบรม
เมื่อย่างเข้าสู่วัยสูงอายุ  บุคคลก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้สามารถดำเนินชีวิตในวัยสูงอายุได้อย่างเหมาะสม  โดยต้อง  โดยต้องเรียนรู้เพื่อปรับตัวในหลายด้าน  ด้านสุขภาพ  ต้องเรียนรู้วิธีการที่จะดูแลรักษาสุขภาพในขณะที่ร่างกายเสื่อมโทรมลง  การพักผ่อน  การทำงานอดิเรกที่เหมาะสม ต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตในสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป      ด้านสังคม  จากที่เคยมีอำนาจหน้าที่ในการงาน  มีเพื่อนฝูงผู้ร่วมงานมากมาย  กลับต้องมาอยู่กับสังคมภายในครอบครัว  ภายในชุมชน  ผู้สูงอายุต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและปรับสภาพจิตใจไม่ให้ท้อแท้  เหงาหงอย  จากความเปลี่ยนแปลงของสภาวะที่เคยเป็นอยู่
เมื่อพิจารณาพัฒนาการแต่ละช่วงชีวิต  จะพบว่าบุคคลจะต้องเรียนรู้อยู่เสมอตั้งแต่ออกจากครรภ์มารดาจนสิ้นอายุขัย  เพียงแต่ว่าบุคคลอาจจะไม่รู้หรือไม่ได้ตระหนักว่าได้เกิดการเรียนรู้ขึ้นตลอดในทุกช่วงชีวิต  เพราะบุคคลส่วนใหญ่มีความเข้าใจว่า  การเรียนรู้หรือการศึกษาก็คือการที่บุคคลเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนหรือในสถาบันศึกษาเท่านั้น  แต่ที่จริงแล้ว  การศึกษาหรือการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในชีวิตของบุคคลเป็นการศึกษาที่อยู่ในรูปแบบที่ไม่ใช่การศึกษาในโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่  การศึกษาในโรงเรียนจะมีอยู่เพียงช่วงวัยเด็กถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น  ซึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น  แต่การศึกษาที่ไม่ใช่รูปแบบของโรงเรียนหรือการศึกษาหลังจากออกโรงเรียนนั้นยาวนานมากเมื่อเทียบกับการศึกษาในโรงเรียน
จากสภาพการณ์ดังกล่าวอาจสรุปได้ว่า  การศึกษาหรือการเรียนรู้เกิดขึ้นพร้อมกับชีวิตและดำเนินไปควบคู่กับการดำเนินชีวิตของบุคคลดังที่  แอปส์  (Apps, 1992)   ได้กล่าวไว้ว่ามนุษย์เรียนรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มหายใจและต้องเรียนรู้ต่อเนื่องไปจนวินาทีสุดท้ายของการหายใจ   นั้นก็คือ   การเรียนรู้เกิดขึ้นพร้อมกับชีวิตและดำเนินไปคู่ขนานกับชีวิตหรือมีอยู่ตลอดชีวิตของมนุษย์นั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น